Japandi vs Wabi-Sabi

รู้หรือไม่ Style Japandi และ Wabi-Sabi ต่างกันอย่างไร?

หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักสไตล์ Japandi กันมาบ้างแล้ว แต่ทุกคนรู้จักอีกหนึ่งสไตล์ต้นกำเนิดจากญี่ปุ่นที่คล้ายคลึงกันอย่าง Wabi-Sabi หรือเปล่าคะ?

Japandi และ Wabi-Sabi เป็นสองสไตล์การตกแต่งที่กำลังมาแรงในขณะนี้ และถึงแม้จะมีความคล้ายคลึงกันจนคนเข้าใจผิดบ่อย ๆ แต่จริงๆแล้วทั้งสองสไตล์นี้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรค่ะ วันนี้ทาง Moeh Doer จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับไสตล์ Japandi และ Wabi-Sabi พร้อมความแตกต่างของทั้งสองสไตล์กันค่ะ

What is Japandi Style?

Japandi Style คือะไร

Japandi คือ style การตกแต่งภายในที่ผสมผสานระหว่างความ minimal ของการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นเข้ากับการออกแบบของ Scandinavian ซึ่งมีองค์ประกอบหลักเป็นความเรียบง่าย วัสดุธรรมชาติ และ palette สีสบายตาไม่ฉูดฉาด

สไตล์ Japandi เน้นความเรียบง่าย ฟังก์ชั่นการใช้งาน และความสมดุล บ่อยครั้งที่เราจะเห็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีความ minimal ถูกนำเข้ามาใช้ในการตกแต่งสไตล์ Japandi เช่น เตียงเตี้ย หรือฝูกติดพื้น โซฟาเรียบๆ และ ชั้นวางของแบบรูปทรงเลขคณิต

นอกจากนี้สไตล์ Japandi ยังมีการใช้วัสดุจากธรรมชาติซะส่วนใหญ่ เช่น ไม้ หิน ไม้ไผ่ โดยที่มุ่งเน้นไปที่การดึงเอา พื้นผิว และลายของวัสดุที่สวยงามออกมา

ในขณะเดียว Wabi-Sabi เป็นสไตล์ที่มีต้นกำเนิดมาจากหลักปรัชญาที่เน้นย้ำความงดงามของความไม่สมบูรณ์ของญี่ปุ่น รวมถึงความไม่ยั่งยืน และลักษณะเนื้อแท้ของมัน ทำให้สไตล์ Wabi-Sabi นั้นประกอบไปด้วยความไม่ประณีต ความออแกนิค ที่ชูวัสดุธรรมชาติและพื้นผิวของมัน

Wabi-Sabi นั้นคล้ายคลึงกับ Japandi ในการให้ความสำคัญแก่ความเรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติ และความเป็นมนุษย์ แต่แตกต่างกันที่ Wabi-Sabi นั้นเชิดชูการจัดแสดงผลงานแฮนเมด เช่น เครื่องปั้นดินเผา เซรามิก และงานสิ่งทอ เพื่อโชว์ความไม่สมบูรณ์ที่งดงามจากมือมนุษย์

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของสไตล์ Wabi-Sabi คือวัสดุธรรมชาติที่ไม่มีการเติมแต่ง เช่น ไม้ดิบ หิน และ ดินเหนียว โดยที่เน้นย้ำไปที่ความไม่สมบูรณ์ตามธรรมชาติ เช่น รอยแตก รอยร้าว และตาไม้

Color palette ของสไตล์ Wabi-Sabi นั้นเป็นสีหม่น Earth tone อาจจะมีสีอื่นๆ ที่หาได้ตามธรรมชาติ เช่น เขียว น้ำตาล และเทาผสม

ถึงจะมีความคล้ายคลึงกันในหลาย ๆ จุด รวมถึงยังมีต้นกำเนิดมาจากการผสมผสานวัฒธรรมญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ Japandi และ Wabi-Sabi นั้นก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก

ในขณะที่ Japandi เน้นย้ำไปในความเรียบง่าย สบายตา และฟังก์ชั่นการใช้งาน Wabi-Sabi ให้ความสำคัญกับความไม่สมบูรณ์แบบ สไตล์ Japandi นั้นจะมีความเรียบและเป็นระเบียบดั้งเดิม โดยที่ Wabi-Sabi นั้นเน้นความออแกร์นิคของวัสดุและความเป็นธรรมชาติของมัน

อีกหนึ่งความแตกต่างของสองสไตล์นี้คือการใช้พื้นที่ และการจัดการกับความไม่เป็นระเบียบ

การตกแต่งสไตล์ Japandi นั้นเป็นการตกแต่งที่มีความ minimal และสะอาดตา เน้นความน้อยแต่มาก (less is more) การตกแต่งสไตล์นี้คือการสร้างพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกโล่งสบายตาและลดความไม่เป็นระเบียบให้น้อยที่สุดในขณะที่ทำให้สภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยนั้นเรียบง่ายที่สุด ในสไตล์ Japandi สิ่งของ และเฟอร์นิเจอร์นั้นจะถูกเลือกและวางอย่างพิธีพิถัน สร้างสรรค์ความสุมดุลระหว่างความงดงามและฟังก์ชั่นของมัน

ในขณะเดียวกัน Wabi-Sabi โอบกอดความไม่สมบูรณ์แบบ เชิดชูความงดงามของมัน และยอมรับการเสื่อมสลายตามกาลเวลา สไตล์นี้ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุเก่าแก่และสิ่งที่ถูกใช้งานมาแล้ว ซึ่งนำมาซึ่งกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์ และเรื่องราวให้กับพื้นที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ Wabi-Sabi ยังใช้หลักแนวคิดเดียวกับกับ "Kintsugi” (คินซึกิ) ซึ่งเป็นแนวคิดการซ่อมแซมสิ่งของที่แตกหักแล้วด้วยทอง เป็นการสร้างมูลค่าและความงดงามให้กับสิ่งของที่แตกสลายไปแล้ว

พื้นที่ที่ตกแต่งแบบ Wabi-Sabi นั้นถูกดีไซน์ให้รู้สึกออร์แกนิค และไม่จำเป็นต้องเรียบร้อย ด้วยสิ่งของและเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเหมือนไม่ได้จัดวางอย่างตั้งใจ เน้นความรู้สึกที่ไม่สมบูรณ์และเป็นธรรมชาติ

โดยสรุปแล้วความแตกต่างของ Japandi และ Wabi-Sabi นั้น สามารถสรุปโดยย่อได้ดั่งนี้

Japandi:

Clean lines, sharp edges, tidy & sleek, modern & chic.

Materials: Cotton, elegant woods, bamboo, teak, glossy stone work, marble, modern wall paneling

Colors: Neutrals, White, beige, black

Wabi-Sabi:

Curves, texture, rustic elements, non-cluttered yet not perfect, aged elements.

Materials: Natural woods, Linen & natural fabrics, clay/concrete/mud, plants

Colors: Neutral, beige, brown, earthy greens